ผี เฮี้ยนจัด บุกหลอน บิลเบา 10ตัว 3-0 บรูโน่ กด2เม็ด

เข้าชิงเลยได้ไหม ! ผี เฮี้ยนจัด บุกหลอน บิลเบา 10ตัว 3-0 บรูโน่ กด2เม็ด


ง่ายดายกว่าที่คิดจริงๆสำหรับ ยูโรป้า ลีก รอบรองชนะเลิศ เลกแรก ระหว่างเจ้าบ้าน แอธเลติโก มาดริด ทีมอันดับ4ในลาลีก้าสเปน กับ ผู้มาเยือนทีมอันดับ14ของพรีเมียร์ลีกอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะด้วยใบแดงเหลือผู้เล่นเพียงแค่10คน และการเสียจุดโทษ ทำให้ พลพรรคปีศาจแดง บุกมาเอาชนะ บิลเบา ไปได้แบบยับเยิน 3-0 ชนิดที่ผ่อนเกมชิลๆครึ่งหลังด้วยซ้ำ นั่นทำให้ทีมของ รูเบน อโมริม แทบจะแหย่ขาข้างหนึ่งไปยังนิดชิงชนะเลิศแล้ว

 

แอเลติก บิลเบา ที่มุ่งมั่นมากๆที่จะเข้าชิงรายการ ยูโรป้า ลีก เพราะแมตช์ชิงดำจะถูกจัดขึ้นที่สนาม ซาน มาเมส ที่เป็นรังเหย้าของพวกเขาเอง โดยคู่แข่งของพวกเขาในรอบตัดเชือกนั่นก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด การจัดทัพ กุนซือ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เล่นในระบบถนัด 4-2-3-1
 

โกล จูเลน อากีร์เรซาบาลา แผงแบ็กโฟร์ ออสการ์ เด มาร์กอส - ดานี บีเบียน - เยไร อัลบาเรซ และ ยูรี เบร์ชีเช มิดฟิลด์คู่กลาง มิเกล เฆาเรกีซาร์ ยืนกับ อินญีโก รุยซ์ เด กาลาร์เรตา เพลย์เมคเกอร์ตัวรุก อเล็กซ์ เบเรนเกร์ ปีกซ้าย-ขวา พี่น้องตระกูล วิลเลี่ยมส์ อินญากี้ และ นิโก้ หน้าเป้า มาโรอัน ซานนาดี



ส่วน ยูไนเต็ด เล่นในระบบเดิม 3-4-2-1 นายด่าน อ็องเดร โอนาน่า 3เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ - แฮร์รี่ แม็คไกวร์ และ เลนี่ โยโร่ วิงแบ็กซ้าย-ขวา แพทริค ดอร์กู - นุสแซร์ มาซราวี มิดฟิลด์ตรงกลาง กาเซมิโร่ ปักกับ มานูเอล อูการ์เต้ 2ตัวรุกหลังกองหน้า บรูโน่ แฟร์นันเดซ - อเลฮานโดร์ การ์นาโช่ ศูนย์หน้า ราสมุส ฮอยลุนด์
 

เริ่มเกมมาต้องบอกว่า 20นาทีแรก เป็น บิลเบา ที่ทำได้ดีกว่าผู้มาเยือนจากอังกฤษมากๆ ทั้งบีบเร็ว เพรสสูง จนทำให้ แมนฯยู อะไรไม่ได้เลยจ่ายบอลเสียเป็นระยะๆ ทีมดังแคว้นบาสก์ ได้ลุ้น3หนติดๆกัน ทั้ง ลูกยิงของ เบเรนเกร์ นอกกรอบเขตโทษ แต่ โอนาน่า ไม่พลาด
 

นิโก้ วิลเลี่ยมส์ ได้โขกเต็มแต่บอลข้ามคานออกไปนิดเดียว รวมถึง เบเรนเกร์  เจ้าเก่า ได้ยิงเน้นๆในเขตโทษ แต่ไปติดบล็อก ลินเดอเลิฟ ที่ยืนขวางประตูอยู่ แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม ปีศาจแดง ก็มาขึ้นนำแบบเซอร์ไพรส์ จุดเริ่มเต้นจากแม็คไกวร์ ที่คลึง โยกหลอกคู่แข่ง ก่อนเปิดเข้ากลางมาให้ อูการ์เต้ โหม่งเช็ดไปเสาสอง เป็น กาเซมิโร่ โขกเน้นๆเข้าไป ขึ้นนำ 1-0 น.30

หลังจากนั้นทำนบของ บิลเบา ก็มาแตกพ่ายเลย กองหลังอย่าง ดานี บีเบียน โดน VAR เช็กย้อนหลัง เป่าให้เป็นทั้งใบแดงและจุดโทษ เจ้าถิ่นเหลือ10คน และบรูโน่ แฟร์นันเดซ สังหารเข้าไป 2-0 น.37 เท่านั้นไม่พอ ท้ายครึ่งแรก น.45 อูการ์เต้ ตอกส้นให้ บรูโน่ หลุดเดี่ยว ยิงหนีมือ อากีร์เรซาบาลา เข้าไป นำ3-0 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
 

45นาทีหลัง เหมือน รูเบน อโมริม จะกำชับให้แข้งปีศาจแดง ค่อยๆเล่นตามเชิง มากกว่าจะหมายเอาประตูที่4 แต่ก็มีหวาดเสียวเหมือนกันกับจังหวะ ของ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ที่ไปเหนี่ยวกับ ซานนาดี ล้มลงไป แต่ VAR เช็กแล้วไม่มีอะไร

ด้วยความที่เจ้าบ้านเหลือ10คน และเหมือนกับกุนซือ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ จะเล่นเพื่อให้แพ้เท่านี้ และไปลุ้นกันอีกทีที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทำให้ แมนฯยู เอง ได้ลุ้นยิงอีกเป็นระยะทั้ง กาเซมิโร่ ที่ยิงไกล และได้โขกลูกเตะมุมเน้นๆไปชนเสา รวมถึง การ์นาโช่ และ บรูโน่ ที่ได้โอกาสกันอีกคนละครั้ง แต่โดนเซฟไว้ทั้งคู่
 

ท้ายเกม แมนฯยู ก็ยังครองเกมเหนือกว่าอยู่ ด้วยตัวผู้เล่นที่มากกว่า ทั้ง ลุค ชอว์ - เมสัน เมาท์- ค็อบบี้ เมนู ต่างได้ลงสนามลงมาในบทบาทตัวสำรอง ในรายของ เมาท์ นั้นยังทำตัวน่าผิดหวังเหมือนเดิม เสียบ่อยครั้ง แต่ทว่าจบเกม 90นาที ก็ยังเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่บุกมาถล่มเอาชนะ แอธเลติก บิลเบา ไปได้ 3-0 เส้นทางที่จะเข้าชิงยังสนามแห่งนี้ สดใสเหลือเกิน


 

บรูโน่ ยังไงก็ขาดไม่ได้ เหมา2 พร้อมอิมแพคต่อเกมสุดๆ

ไม่อยากนึกภาพเลยว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ในฤดูกาล 2024-2025นี้ ที่พวกเขาย่ำแย่สุด เพราะจมอยู่อันดับ14ของตารางพรีเมียร์ลีก หากว่าไม่ได้มี บรูโน่ แฟร์นันเดซ อยู่ในทีมทัพปีศาจแดง จะย่ำแย่ไปกว่านี้มากแค่ไหน
 

บรูโน่ นอกจากจะสำคัญมากๆกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้ว กัปตันหน้าหนวดรายนี้ ยังฟิตและพร้อมลงเล่นเสมอด้วย เกมรุกที่หลายนัดดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ก็ได้ บรูโน่ แฟร์นันเดซ ที่แหละที่สอดเข้ามายิงหรือจ่ายคีย์พาสวยๆได้
 

กับ บิลเบา เมื่อคืน แข้งชาวโปรตุเกส โดดเด่นมากๆหลังจากที่ผ่านช่วง20นาทีแรกที่โดนเจ้าบ้านกด เพราะจ่ายบอลฉีกออกซ้าย-ขวา ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้มากถึง3ครั้ง
 

และที่สำคัญคือ บรูโน่ เหมา2ประตูให้กับทีม ลูกแรกเป็นการยิงจุดโทษเข้าไปแบบสุดเฉียด หลอกโกลเดาไปอีกทาง ส่วนเม็ดที่2 ก็รับบอลจาก อูการ์เต้ เข้าไปยิงผ่าน อากีร์เรซาบาลา นั่นเท่ากับว่าตอนนี้ บรูโน่ แฟร์นันเดซ ยิงไปแล้วถึง7ประตู ในยูโรป้า ลีก นำเป็นดาวซัลโว เทียบเท่ากับ แคสเปอร์ โฮ้ก ของ โบโดกลิมท์ และ อายูบ เอล คาบี ของ โอลิมเปียกอส (ตกรอบไปแล้ว)
 

หรือจะนับรวมทุกรายการ ซีซั่นนี้ บรูโน่ แฟร์นันเดซ ที่แม้จะมีช่วงที่โดนวิจารณ์เยอะ แต่เจ้าตัวก็ยังเป็นแข้งคนสำคัญของปีศาจแดงเสมอมา เพราะยิงไปแล้วถึง 19ประตู กับอีก 15แอสซิสต์ ช่วงเวลาที่เหลือก่อนนัดชิง เห็นที่ รูเบน อโมริม ต้องทะลุถนอมแข้งเบอร์8รายนี้ อย่างดีแล้ว



กาเซมิโร่ คนละคนกับตอนเล่นบอลพรีเมียร์

ฤดูกาลนี้ ในรายการฟุตบอลถ้วย ยุโรป ให้ตัดภาพ กาเซมิโร่ ที่เล่นอย่างอืดอาดช้า สกัดแม่นคนมากกว่าแม่นบอล ในพรีเมียร์ลีกออกได้เลย เพราะในเวที ยูโรป้า นี่เป็นอีกนัดและอีกนัด ที่ " พี่เกษม " ฟอร์มฉายแสงมากๆ ประสบการณ์ล้นกระเป๋ากับ เรอัล มาดริด ช่วยทีมได้เยอะจริงๆ
 

ช่วง 20นาทีแรก ที่รูปเกมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นรอง แอธเลติก บิลเบา มากๆ ส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะการโดนเข้าบ้านบีบเร็วเข้าใส่ด้วย รวมไปจนถึง มิดฟิลด์อีกคนอย่าง มานูเอล อูการ์เต้ เลอะเทอะ หวงบอล และทำบอลเสียบ่อยเหลือเกิน
 

แต่ทว่าทุกอย่างก็มาคลี่คลายและเล่นง่านขึ้นด้วยลูกโขก ขึ้นนำ 1-0 ของ กาเซมิโร่ นี่แหละ ห้องเครื่องชาวบราซิลนอกจากจะทำสกอร์ได้แล้ว เวลาที่ต้องเก็บกวาดเช็ดถูในแดนกลาง ก็ยังไม่ละเลยด้วยทำได้แม่นยำด้วย
 

กาเซมิโร่ เข้าแท็กเกิ้ล 4ครั้ง เคลียร์บอลได้5ครั้ง แถมจังหวะการเติมขึ้นมายิงยังน่ากลัวอีกด้วย มีช็อตที่โขกลูกเตะมุมไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย ด้วยประสบการณ์ที่เคยดวลกับทีมลีกแดนกระทิงดุมาหลายปี ทำให้ กาเซมิโร่ คุมจังหวะแดนกลางได้อย่างยอดเยี่ยม
 

ส่วนคู่ขาอย่าง มานูเอล อูการ์เต้ แม้จะมี 2แอสซิสต์ แต่ต้องบอกว่าก่อนขึ้นนำ มิดฟิลด์ชาวอุรุกวัย เล่นท่ายากและทำบอลเสียบ่อยมากๆ ทำบอลเสียนับครั้งไม่ถ้วน ยังดีที่ บิลเบา มาเหลือ10คน ทำให้เกมตรงกลางของปีศาจแดง ไม่เจอบทบทสอบหนัก
 


ชนะ3-0 แต่ก็มีคนทำตัวน่าผิดหวัง

ถ้าดูจากรูปเกม 20นาทีแรก ต้องบอกว่าแค่เสมอหรือแพ้ด้วยจำนวนห่างแค่1ประตู ก็ถือว่าน่าพอใจแล้วสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ทว่าลูกเปิดเหนือๆของ แม็คไกวร์ และ จังหวะจุดโทษใบแดง นั่นแหละที่ทำให้ ทุกอย่างไหลมาเข้าทางทีมจากอังกฤษเต็มๆ
 

โอเค แม้จะชนะ3-0 ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจมากๆ เพราะ ก่อนเกม แอธเลติก บิลเบา นี่คือทีมอันดับ4ของ ลาลีก้า สเปน แถมยังเสียประตูน้อยที่สุดในลีกด้วย 26ประตู จาก33นัด
 

ซึ่งก่อนจะขึ้นนำ 1-0 ต้องบอกว่ามีแข้งปีศาจแดงที่ห่วยเข้าตามากๆอยู่ 3ราย รายแรก แพทริค ดอร์กู ที่นับวันยิ่งมั่วเหลือเกิน จังหวะสอดเติมเกมรุกทำได้ดี แต่ก็ไปเสียช็อตสุดท้ายประจำ จ่ายบอลแย่ - จับบอลกระฉอก - ยืนตำแหน่งมั่ว นี่คือเรื่องแย่ๆที่ได้เห็นจากวิงแบ็กชาวเดนมาร์กแทบทุกนัด
 

ลุค ชอว์ ที่ลงมาเป็นตัวสำรองและล้างสนามไปนานมากๆ ยังดูจังหวะจะโคน และจังหวะเปิดครอสเรียดเข้ากลาง แม่นยำกว่า ดอร์กู เสียอีก ส่วนราย2 อูการ์เต้ พักหลังเหมือนจะติดเล่นยากไปแล้ว เพราะทำบอลเสียบ่อยมากๆ ดีที่ยังมี 2แอสซิสต์ มาแก้ตัว
 

รายที่3 วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ แม้ว่าจะมีช็อตสกัดขวางบอลสวยๆหน้าโกล แต่ภาพรวม " พี่เลิฟ " ก็ยังคงคอนเซพต์เดิมของตัวเองนั่นก็คือ ถอย ถอย และถอย จ่ายบอลมั่ว โดนแย่งบอลง่ายๆ และที่แถมให้อีกรายนั่นก็คือ เมสัน เมาท์
 

เมาท์ ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองแทน อูการ์เต้ น.65 ซึ่งแข้งเบอร์7 ยังคงทำตัวน่าผิดหวังเหมือนเดิม และไม่รู้จะปั้นยังไงแล้ว จ่ายบอลจังหวะไม่เข้ากับเพื่อน เหม่อไม่รับบอล มีดีแค่ความขยันจริงๆสำหรับแข้งเบอร์7รายนี้

 

อโมริม เลือกวิธีการเล่นสบายๆ เลก2

ก่อนเกมที่ ซาน มาเมส แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถูกวางให้เป็นรอง แอธเลติก บิลเบา ด้วยซ้ำ บวกกับผลงานเก่าๆ 3นัดหลังสุดที่เจอกัน เป็นปีศาจแดงที่แพ้รวดเลย นอกจากนี้แล้วทีมของ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ยังถูกยกให้เป็นเต็ง1ของรายการอีกด้วย
 

บวกกับ แอธเลติก บิลเบา ที่เล่นเกมเหย้าในรายการนี้มาทั้งหมด 6นัด พวกเขาชนะรวดยังสนาม ซาน มาเมส แห่งนี้ รวมถึง ทีมดังแคว้นบาสก์เอง ก็ตั้งใจมากๆ เพราะนัดชิงชนะเลิศ สังเวียนแข้งของพวกเขาจะถูกใช้เป็นนัดชิง
 

สุดท้ายแล้วเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เซอร์ไพรส์สุดๆ บุกมาหลอน บิลเบา ไปยับเยิน 3-0 ซึ่งมองในอีกมุมก็น่าเสียดายเหมือนกันที่ การนำคู่แข่งที่เหลือ10ตัวใน 45นาทีแรก 3-0 รูเบน อโมริม ไม่ได้เดินหน้าฆ่าให้ตาย หมายเอาเม็ดที่ 4-5 ตามมา
 

สิ่งที่กุนซือหนุ่มชาวโปรตุเกสรายนี้ทำคือ เล่นไปตามจังหวะของเกมเน้นความชัวร์ไม่โหม เลือกรักษาสกอร์มากกว่าที่จะไปเสี่ยงเอาเพิ่มเผื่อโดนไล่มาเป็น 3-1 ซึ่งถ้ามองในมุมของแฟนบอลก็น่าเสียดายเหมือนกัน เพราะโอกาสที่จะยิงเพิ่มมีมากกว่าจะเสียแน่ๆ
 

แต่หากมองในมุมของ อโมริม สกอร์ชนะ 3-0 แล้วกลับมาเล่นเลก2ที โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แค่นี้ก็ได้เปรียบมากเพียงพอแล้ว เพราะปีศาจแดงจะเลือกรูปแบบวิธีการเล่นได้ และที่แน่ๆคือ บิลเบา จะเปิดเกมบุกเข้าใส่ ทำให้ แมนฯยู ได้เล่นรูปแบบสวนกลับที่ถนัด
 

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แม้จะสกอร์ได้เปรียบมา 3-0 แต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ห้ามชะล่าใจเด็ดขาด เอาแค่ในเกมพรีเมียร์ลีกนอกบ้านกับ เบรนท์ฟอร์ด อาทิตย์นี้ นายใหญ่ อโมริม น่าจะต้องพักแข้งคนสำคัญอย่าง บรูโน่ - การ์นาโช่ - แม็คไกวร์ และ กาเซมิโร่ ไว้ข้างสนาม เก็บไว้บู๊กับทีมจากสเปน
 


บิลเบา มาดี 20นาทีแรก แต่ใบแดง+จุดโทษ เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง

ต้องไม่ลืมว่าฤดูกาลนี้ แอธเลติก บิลเบา เป็นทีมอันดับ4ของตาราง ลาลีก้า สเปน แพ้น้อยที่สุดเพียง5นัด เทียบเท่ากับ3ทีมบน บาร์เซโลน่า - เรอัล มาดริด และ แอธเลติโก มาดริด แถมยังเสียประตูน้อยสุดในลีกเพียงแค่ 26ประตู
 

ซึ่งรูปเกมเมื่อคืน ราวๆ20นาทีแรก ต้องบอกว่าทีมดังแคว้นบาสก์ กด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่มากๆ เพราะบีบเร็วเพรสซิ่ง และได้ลุ้นเนื้อๆ ถึง2ครั้ง จากลูกโขกของ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ ที่ถากคานออกไปนิดเดียว
 

รวมไปจนถึงลูกยิงของ อเล็กซ์ เบเรนเกร์ ที่โดน ลินเดอเลิฟ สกัดได้หน้าโกลอย่างเหลือเชื่อ ดูจากรูปเกม ณ ตอนนั้น มองไม่ออกเลยว่า บิลเบา จะเพลี่ยงพล้ำยังไง แต่ทว่า ด้วยลูกเปิดลูกคลึงหลอกแบบเหนือๆของ แม็คไกวร์ ก็ทำให้ปีศาจแดงขึ้นนำแบบช็อกเจ้าบ้าน
 

และจุดเปลี่ยนสำคัญที่พลิกโฉมรูปเกมไปทั้งหมด ก็มาจากช็อต ดานี บีเบียน ไปดึง ฮอยลุนด์ ในเขตโทษ จนต้องไปเช็ก VAR นอกจากจะกลายเป็นจุดโทษแล้ว บิเบียน ยังโดนใบแดงเหลือผู้เล่น10คนอีกด้วย
 

ซึ่งหลังจากโดน 2-0 แอธเลติก บิลเบา เหมือนจะเมาหมัดสมาธิแตกซ่านไปเลย มาโดนลูก3-0 ท้ายครึ่งแรก 45นาทีหลัง กลายเป็นว่า กุนซือ บัลเบร์เด้ เลือกที่จะเล่นให้แพ้เท่านี้  3-0) มากกว่าจะเสี่ยงโดนยิงเพิ่ม และหวังไปพลิกสถานการณ์ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แต่ทว่าก็ยังเป็นงานที่หินเหลือเกินเพราะปีศาจแดง ยอมทุบหม้อข้าว เพื่อเน้นถ้วย ยูโรป้า ไปแล้ว

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง