คริสตัล พาเลซ (PRL-12) vs แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (PRL-4)

แข่งขันวันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม 2568
คิกออฟ เวลา 22.30 น.
สนาม : เวมบลีย์ สเตเดี้ยม - สนามกลาง

อัตราต่อรอง : แมนฯ ซิตี้ ต่อ 0.5

คริสตัล พาเลซ
คริสตัล พาเลซ กำลังปาดเหงื่อให้กับความฟิตของ อดัม วอร์ตัน กองกลางของทีม ซึ่งจะต้องเข้ารับการประเมินความฟิตก่อนเกมการแข่งขัน หลังจากที่พลาดเกมที่เอาชนะ สเปอร์ส เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า แต่ ชาดี รีอัด และ ชีค ดูกูเร่ ยังคงต้องพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าระยะยาว โดย วิลล์ ฮิวจ์ส และ เจฟเฟอร์สัน เลอร์มา ลงเล่นเป็นตัวจริงในตำแหน่งมิดฟิลด์คู่กลางในเกมล่าสุดที่ วอร์ตัน ไม่อยู่ และทั้งคู่ก็ลุ้นรักษาตำแหน่งเอาไว้ได้ ขณะที่ ไดชิ คามาดะ ก็เป็นตัวเลือกในกองกลางอีกคนที่พร้อมจะลงสนาม

เอเบเรซี่ เอเซ่ สตาร์ตัวเก่งของทีม ซึ่งกำลังอยู่ในฟอร์มที่ดี โดยยิงไป 5 ประตูจาก 4 เกมหลังสุด และยังมีส่วนร่วมกับ 4 ประตูในถ้วย เอฟเอ คัพ (ยิงไป 3 ประตู จ่ายบอลให้เพื่อนยิงได้อีก 1 ลูก) คาดว่านักเตะทีมชาติอังกฤษรายนี้จะได้ลงเล่นในบทบาทตัวรุกร่วมกับ อิสไมล่า ซาร์ ซึ่งยิงได้ 2 ประตูในเกมรอบรองชนะเลิศที่เอาชนะ แอสตัน วิลล่า 3-0

เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ อดีตแข่ง อาร์เซน่อล ชุดแชมป์เอฟเอ คัพ ปี 2020 เตรียมลงสนามเป็นตัวจริงหลังจากที่มีส่วนร่วมในการทำประตูใน 3 นัดหลังสุดในเอฟเอ คัพ (ยิงได้ 2 ประตู แอสซิสต์ 1 ครั้ง) แต่ ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า กองหน้าผู้ทำไปแล้ว 17 ประตู เตรียมลงเล่นเป็นตัวจริงในแนวรุก นอกจากนี้ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ กุนซือ "ดิ อีเกิลส์" น่าจะส่งผู้เล่นแนวรับ 5 คนที่ไม่เปลี่ยนแปลงลงสนาม เพื่อคุ้มกัน ดีน เฮนเดอร์สัน อดีตผู้รักษาประตูของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เตรียมลงเฝ้าเสาดวลแข้งกับคู่ปรับร่วมเมืองของอดีตทีมเก่า

แมนเชสเตอร์ ซิตี้
แมนฯ ซิตี้ จะต้องขาด โรดรี (เอ็นไขว้หน้า), นาธาน อาเก้ (เท้า), ออสการ์ บ็อบบ์ (กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง) และ จอห์น สโตนส์ (ต้นขา) อีกครั้ง แม้ว่าทั้ง 3 คนหลังจะกำลังเร่งพัฒนาความฟิตในโปรแกรมการฝึกซ้อมของตนเอง

โดย เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อาจเรียกตัวทั้ง นิโก้ โอเรียลลี และ มาเตอุส นูเนส กลับมาเล่นเป็นแบ็คสำรองชั่วคราวอีกครั้ง โดยคนแรกเป็นดาวเด่นของ แมนฯ ซิตี้ ในถ้วยเอฟเอ คัพ ฤดูกาลนี้ จากการทำไปแล้ว 3 ประตู กับอีก 2 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 5 นัด มีเพียง จอช มาเกนนิส ของเอ็กเซเตอร์ ซิตี้ (6 ประตู) เท่านั้นที่มีส่วนร่วมกับประตูในรายการนี้มากกว่าในฤดูกาลนี้

เควิน เดอ บรอยน์ ซึ่งมีสถิติที่น่าประทับใจในเอฟเอ คัพ มีแนวโน้มว่าจะได้ลงสนามเป็นตัวจริงในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ ครั้งที่ 4 และครั้งสุดท้ายของเขากับ แมนฯ ซิตี้ โดยนักเตะชาวเบลเยียมมีส่วนร่วมกับ 4 ประตูในนัดชิงชนะเลิศ 3 ครั้งก่อนหน้านี้ (ยิงได้ 1 ลูก แอสซิสต์ 3 ครั้ง) ในขณะเดียวกัน มาเตโอ โควาซิช, อิลคาย กุนโดกัน, แบร์นาร์โด้ ซิลวา และ นิโก้ กอนซาเลซ จะต้องต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งตัวจริงร่วมกับ เดอ บรอยน์ ในแดนกลาง

ส่วนในแนวรุก หลังจากพยายามสร้างโอกาสมากมายในเกมเจ๊าจืดกับ เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฟิล โฟเด้น และ เจมส์ แม็คเอธี ก็เสี่ยงที่จะถูกแทนที่โดย เฌเรมี โดกู และ โอมาร์ มาร์มูช แต่ดูเหมือนว่า เออร์ลิง ฮาแลนด์ จะมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้นำในแดนหน้า โดยผู้ทำประตูสูงสุดของ แมนฯ ซิตี้ (30 ประตูจาก 41 นัดในทุกรายการในฤดูกาลนี้) ยิงไปแล้ว 6 ประตูจาก 4 นัดที่พบกับ พาเลซ แต่เขาไม่สามารถทำประตูได้เลยใน 5 นัดที่ลงสนามให้กับสโมสรในเกมที่เวมบลีย์ โดย 3 ใน 5 นัดนั้นเกิดขึ้นในเอฟเอ คัพ

ผลงาน 6 นัดหลังของ คริสตัล พาเลซ (LDDWDW)
แพ้ นิวคาสเซิ่ล 0-5 (ย)
เสมอ บอร์นมัธ 0-0 (ห)
เสมอ อาร์เซน่อล 2-2 (ย)
ชนะ แอสตัน วิลล่า 3-0 (ก) (เอฟเอคัพ)
เสมอ ฟอเรสต์ 1-1 (ห)
ชนะ สเปอร์ส 2-0 (ย)

ผลงาน 6 นัดหลังของ แมนฯ ซิตี้ (WWWWWD)
ชนะ พาเลซ 5-2 (ห)
ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 (ย)
ชนะ แอสตัน วิลล่า 2-1 (ห)
ชนะ ฟอเรสต์ 2-0 (ก) (เอฟเอคัพ)
ชนะ วูล์ฟส์ 1-0 (ห)
เสมอ เซาธ์แฮมป์ตัน 0-0 (ย)

ผลงานการพบกันของทั้งสองทีม
12/04/25    (PRL) Man City 5 - 2 Palace
07/12/24    (PRL) Palace 2 - 2 Man City
06/04/24    (PRL) Palace 2 - 4 Man City
16/12/23    (PRL) Man City 2 - 2 Palace
12/03/23    (PRL) Palace 0 - 1 Man City
27/08/22    (PRL) Man City 4 - 2 Palace
15/03/22    (PRL) Palace 0 - 0 Man City

ผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนาม
คริสตัล พาเลซ (3-4-2-1) : ดีน เฮนเดอร์สัน - คริส ริชาร์ดส์, มักซ์แซงซ์ ลาครัวซ์, มาร์ค เกฮี - ดาเนียล มูนญอซ, อดัม วอร์ตัน, วิลล์ ฮิวจ์ส, ไทริค มิตเชลล์ - อิสไมล่า ซาร์, เอเบเรชี เอเซ่ - ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า
 
แมนฯ ซิตี้ (4-2-3-1) : เอแดร์ซอน - มาเธอุส นูเนส, รูเบน ดิอาส, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, นิโก้ โอเรียลลี่ - มาเตโอ โควาซิช, แบร์นาร์โด้ ซิลวา - เฌเรมี โดกู, เควิน เดอ บรอยน์, โอมาร์ มาร์มูช -  เออร์ลิง ฮาแลนด์

ผู้ตัดสิน : สจ๊วร์ต แอตต์เวลล์

แนวโน้มของเกม
สุดสัปดาห์นี้อาจมีการแข่งขันที่สนุกสนานและสูสี เพราะทั้ง คริสตัล พาเลซ และ แมนฯ ซิตี้ ต่างก็ยิงประตูได้อย่างน้อย 2 ประตูใน 4 เกมหลังสุดที่พบกัน (เสมอ 2-2 สองครั้ง และ แมนฯ ซิตี้ ชนะ 4-2 และ 5-2)

แฟนบอล พาเลซ อาจไม่คาดคิดว่าทีมของตนจะเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ได้ แต่พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะเชื่อว่าพวกเขามีโอกาสเอาชนะทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ซึ่งยังคงมีแนวโน้มที่จะโดนโต้กลับ และแนวรุกของ "ดิ อีเกิลส์" จะสร้างปัญหาให้กับ แมนฯ ซิตี้ ได้แน่นอน หากพวกเขาทำซ้ำฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมจากเกมรอบรองชนะเลิศที่ถล่ม แอสตัน วิลล่า

อย่างไรก็ตาม ลูกทีมของ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ไม่สามารถปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปมากเกินไป และปล่อยให้ แมนฯ ซิตี้ โจมตีแนวรับ 5 คนของพวกเขาอย่างไม่ลดละ หาก แมนฯ ซิตี้สามารถพลิกสถานการณ์จากฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่จากเกมกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ได้อย่างรวดเร็ว และเล่นได้ในระดับที่ดีที่สุด รวมถึงการเปิดป้อนที่แม่นยำให้กับ เออร์ลิง ฮาแลนด์ พวกเขาก็จะพิสูจน์ตัวเองเพื่อเอาชนะได้

ช่วงเวลาแห่งเวทมนตร์อาจตัดสินเกมการแข่งขันอันน่าสนใจนี้ได้เป็นอย่างดี แต่ท้ายที่สุดแล้ว ยังเชื่อว่า แมนฯ ซิตี้ จะหาทางทำประตูได้มากกว่าคู่แข่งและคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ฤดูกาลนี้ไปครองได้

ฟันธงโดย : I HEAR TOO
คริสตัล พาเลซ 1-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้